นาคนี้มักเรียกกันว่าพญานาคของพวกนาค และยังมีชื่อที่เรียกกันเป็นอย่างอื่นก็มาก เช่น ภุชงค์ วาสุกิ หรือวาสุกรี นาค นาคา อนันตนาคหรือเศษนาค เป็นต้น ตามความหมายที่เข้าใจกันมาว่า นาคตัวยาวๆอย่างงู ในบาลีลิปิกรมว่า มีหน้าเป็นคน หางเป็นงู  เป็นพวกกึ่งเทวดา เมืองที่อยู่เรียกว่าบาดาลซึ่งก็เข้าใจกันว่าอยู่ใต้แผ่นดินที่เราอยู่กันเดี๋ยวนี้

ตามตำนาน อุปปาติกะว่า พญานาคเป็นโอรสพระกัศยปเทพบิดรและนางกัทรุเป็นมารดา ส่วนเมืองที่อยู่ที่เรียกว่าบาดาลนั้น ตามวิษณุปุราณะและปัทมปุราณะ ว่ามีถึงเจ็ดชั้น เรียงลำดับซ้อนๆกันลงไป คือ ๑ อตล มีผู้ครองชื่อมหามายะ ๒ วิตล ผู้ครองชื่อหาตเกศวร ๓ สุตล ผู้ครองชื่อท้าวพลี ๔ ตลาตล ผู้ครองชื่อมายะ ๕ มหาตล ว่าเป็นที่อยู่ของพวกนาค ๖ รสาตลเป็นที่อยู่ของแทตย์และทานพ ๗ ปาตาล ปาตาลนี้แหละที่เราเรียกกันว่าบาดาล เป็นที่อยู่ของวาสุกินาคราช

ปรากฏตามคัมภีร์ว่า เมืองบาดาลนี้ ในชั้นสูงๆมีความสนุกสนานปานกับเมืองสวรรค์ และก็หาใช่ว่าจะอยู่แต่นาคพวกก็หาไม่ ยังมีพวกแทตย์และทานพ อันเป็นเหล่ากอของพระกัศยปะกับนางทิติ ได้เป็นผู้ครองอยู่ก็หลายชั้น พวกนาคแท้ๆคงได้อยู่ในชั้น ๕ กับชั้น ๗ เท่านั้น

นาคนี้ปรากฏในที่หลายแห่งว่า ตัวยาวอย่างงู มีหงอนป็นอันงามแม้แต่ในปทานุกรมก็ยังแปลไว้ว่างูหงอน ในรามายณะ พญานาคเคยทำตัวเป็นบังลังก์ให้พระวิษณุบรรทมอยู่ในเกษียรสมุทร ในปางมัสยาวตาร พญานาคเคยเป็นเชือกผูกเรือของท้าวสัตยพรต หรือพระมนู ไว้กับกระโดงปลาใหญ่ (นารายณ์) เมื่อคราวน้ำท่วมโลก ในปางกูรมาวตาร พญานาคก็ต้องไปเป็นเชือกพันกับภูเขามันทระ สำหรับเทวดาและอสูรดึงไปดึงมาเพื่อให้ภูเขานั้นหมุนหวังผลในการทำน้ำอมฤต

ส่วนในปางพุทธาวตาร หรือในสมัยพระสมณโคดมบรมพุทธะ ก็มีเรื่องนาคมาเกี่ยวข้องเป็นหลายคราว เช่น ครั้งหนึ่งเมื่อพระพุทธองค์ทรงลอยถาดทอง อันนางสุชาดาถวายพร้อมด้วยมธุปายาส ณ แม่น้ำเนรัญชรา ก็ว่าถาดนั้นได้จมลงไปอยู่เมืองนาค พญากาลภุชคินทร์ซึ่งเป็นผู้ครอง ได้ยินเสียงถาดกระทบกันก็ตื่นนอนข้นครั้งหนึ่ง และครั้งที่สองเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุติสุขอยู่ภายใต้ไม้มุจลินท์ (ไม้จิก) พญานาคชื่อมุจลินท์ก็ได้มาขดตัวเป็นแท่น แล้วเพิกพังพานบังแดดบังฝนถวาย ซึ่งพระพุทธรูปปางนี้เรียกกันว่าพระนาคปรก และครั้งที่สามต่อมาอีก ว่ากันว่ามีนาคแปลงตัวมาบวชในพระพุทธศาสนา พระท่านเหยียดเอาว่าเป็นเดียรัจฉาน ห้ามการอุปสมบท และในอดีตกาลซึ่งทศชาดกปางภูริทัตต์ก็ว่า องค์พระโพธิสัตว์ของเรายังได้เคยถือกำเนิดเป็นนาคชื่อทัตตกุมาร มีเรื่องว่าได้ขึ้นมาบำเพ็ญศีลบนฝั่งน้ำยมนา แล้วถูกอาลัมพายน์หมองูจับเอาตัวไป

ใช่แต่เท่านั้น พญานาคยังเคยเป็นสังวาลของพระอิศวร และเคยเป็นลูกศรของอินทรชิต ที่แผลงไปมัดพวกพระราม พระลักษมณ์ ทั้งหลายที่สาธกมานี้ ดูล้วนแต่ว่านาคมีตัวยาวๆอย่างงูทั้งนั้น จะไม่ให้เข้าใจว่าเป็นงูอย่างไร เมืองที่อยู่เล่า ก็จัดไว้ใต้แผ่นดิน ใต้น้ำ ในเวลาขึ้นลงก็ว่าชำแรกแทรกดิน ถ้าจะไม่ให้นาคป็นอย่างงู ก็คงเห็นว่ามุดลงหรือแทรกขึ้นไปมในดินไม่ได้

แต่น่าจะลองนึกกันดูใหม่อีกทีว่า บิดามารดาของพญานาคคือพระกัศยปะและนางกัทรุ มีรูปร่างเป็นมนุษย์หรือเทวดา จะออกลูกมาเป็นงูได้อย่างไร


หน้าที่ : 1 | 2